play_arrow DJ
NEXT
-

ประกาศปรับเวลาเปิดให้ ปชช.ถวายสักการะพระบรมศพได้ตั้งแต่เวลา 04.00 - 21.00 น.

SHARE :

 
 
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังได้ปรับเวลาเปิดให้ประชาชนถวายสักการะพระบรมศพได้ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ซึ่งมีประชาชนมารอคิวเกือบ 10,000 คน จึงได้เปลี่ยนการแจกบัตรคิวเป็นการจัดคิวเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 70 คน จึงสามารถรองรับประชาชนได้ทั้งหมด 29,000 คน แต่พบปัญหาการต่อแถวยาว ทำให้หาท้ายแถวไม่เจอ จึงต้องให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในสนามหญ้า เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพจนครบ แต่เนื่องจากมีฝนตกหนัก ส่งผลให้เมื่อครบกำหนดเวลา 21.00 น. ยังมีประชาชนตกค้างจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงให้ลงทะเบียนเพื่อให้เข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ในวันถัดไป
 
ทั้งนี้ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) จัดที่พักไว้ให้ประชาชน จึงขอให้ไปพักในจุดที่จัดไว้ ขณะเดียวกัน กอร.รส.จะจัดคิวของประชาชนทั้งหมดไว้ในสนามหลวง เพื่อไม่ให้แทรกคิวกัน พร้อมจัดคิวพิเศษสำหรับคนชราภาพ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลก่อนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ขณะที่อีกด้านของสนามหลวงจะถูกปรับแต่งเป็นที่พักคอยให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น แต่คงเวลาในการเข้าถวายสักการะพระบรมศพยังคงสิ้นสุดในเวลา 21.00 น. ซึ่งจะจำกัดจำนวนคนอยู่ที่ 30,000 คน โดยสำนักพระราชวังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าเดินทางมาตั้งแต่เวลา 24.00 น. เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนและการบริหารจัดการพื้นที่
 
 
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี จำนวน 1,400 ตัว มีระบบรับแจ้งเหตุ จุดคัดกรองบุคคล พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุโลหะอย่างเข้มงวดทั้ง 8 จุด ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าได้ตั้งแต่เวลา 04.00-21.00 น. หลังจากนั้นจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ แต่ให้บุคคลที่ติดค้างได้เดินทางออกจากบริเวณท้องสนามหลวงเท่านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้สะดวก สำหรับรถจักรยานยนต์รับ-ส่งฟรีนั้น ได้จัดไว้ทั้งหมด 1,000 คัน ซึ่งจะมีป้ายติดอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันผู้ที่สวมรอยเรียกเก็บค่าโดยสาร ซึ่งอาจจะกระทบต่อวินรถจักรยานยนต์รับจ้างบ้าง
 
นอกจากนี้ในด้านระเบียบการการแต่งกายนั้น ขอให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ยืนยันเจ้าหน้าที่มีความยืดหยุ่นจะไม่มีมาตรฐานระหว่างคนเมืองกับคนชนบท เพราะทุกคนที่เดินทางมามีความจงรักภักดี ส่วนบุคคลที่เป็นเพศสภาพก็ขอให้แต่งตามเพศสภาพภายนอกและมีความเหมาะสมตามวัฒนธรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้ดุลพินิจและคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน.
 
 
เพิ่มเติมที่ : http://www.thairath.co.th/content/768916
 




.:: ข่าวอื่นๆ